Custom Search

บทความที่ได้รับความนิยม

เลือกซื้อ และใช้ตู้เย็นในฤดูร้อนนี้ ให้ประหยัดไฟ


อากาศร้อน ๆ อย่างนี้ มีวิธีการคลายร้อนได้หลาย ๆ วิธีด้วยกัน เช่น ดื่มน้ำเย็น ๆ สักแก้ว ทานไอติมเย็น ๆ สักก้อนหรือไม่ก็ทานผลไม้สด ๆ แช่เย็น แต่สิ่งเหล่านี้ จะดลบันดาลให้เป็นจริงได้ ก็ต้องนึกถึงอุปกรณ์ไฟฟ้าภายในบ้านชนิดหนึ่ง นั่นก็คือ "ตู้เย็น" ที่สามารถกักเก็บความเย็น และช่วยทำให้อาหารสดอยู่เสมอ ดังนั้น หากใครที่กำลังมองหาตู้เย็นไว้ใช้สักเครื่อง เคล็ดลับประหยัดพลังงานขอนำเสนอวิธีการเลือกซื้อ และใช้ตู้เย็นให้ประหยัดพลังงาน
ในการเลือกซื้อตู้เย็นมีข้อควรพิจารณาดังนี้
- เลือกซื้อตู้เย็นที่มีขนาดคิวให้เหมาะสมกับสมาชิกที่ใช้ภายในครอบครัว หรือความจำเป็นที่ต้องใช้งาน เช่น ครอบครัวขนาด 3-4 คน ควรใช้ตู้เย็นขนาด 4.5-6 คิว
- เลือกใช้ตู้เย็นที่มีฉนวนกันความร้อนชนิดโฟมฉีดและมีผนังหนาเพราะจะช่วย ป้องกันความร้อนจากภายนอกมิให้เข้าสู่ตู้เย็นได้ ทำให้อาหารที่แช่ เย็นได้ง่าย
- ตู้เย็นแบบประตูเดียวจะใช้ไฟฟ้าน้อยกว่าแบบ 2 ประตู ในขนาดที่เท่ากัน
- เลือกใช้ตู้เย็นที่มีฉลากประหยัดไฟเบอร์ 5
- ตู้เย็นที่มีการละลายน้ำแข็งอัตโนมัติจะใช้พลังงานมากกว่าตู้เย็นที่ละลายน้ำแข็งด้วยการกดปุ่ม
- ตู้เย็นที่มีที่รองรับน้ำอยู่ข้างนอกตัวเครื่องจะช่วยทำให้ไม่ต้องเปิดประตู ตู้เย็นบ่อยครั้ง ทำให้อุณหภูมิของพื้นที่ทำความเย็นคงที่สม่ำเสมอ แต่ตู้เย็นชนิดนี้จะใช้พลังงานไฟฟ้ามากกว่าตู้เย็นที่ไม่มีที่รองรับน้ำอยู่ ด้านนอกตัวเครื่อง
- เลือกซื้อตู้เย็นที่ไม่ใช้สารประกอบ CFC ในการทำความเย็น เพื่อลดผลกระทบต่อชั้นโอโซนในบรรยากาศ
ส่วนวิธีการใช้ตู้เย็นให้ประหยัดพลังงานมีข้อปฏิบัติดังนี้
- ควรตั้งตู้เย็นในที่มีอากาศถ่ายเทและให้ห่างจากผนังไม่น้อยกว่า 15 เซนติเมตร
- ควรปล่อยให้อาหารร้อน เย็นตัวลงภายนอกตู้เย็นก่อน ก่อนที่จะนำเข้าเก็บไว้ในตู้เย็น และคลุมอาหารหรือของที่แช่ในตู้เย็นที่มีความชื้นก่อนแช่ในตู้เย็น เพราะอาหารเปียกชื้นจะทำให้คอมเพรสเซอร์ทำงานหนักขึ้น
- ไม่ควรแช่ของในตู้เย็นมากจนเกินไป เพราะจะทำให้คอมเพรสเซอร์ทำงานหนัก เปลืองไฟมากขึ้น
- ควรดูดฝุ่นทำความสะอาดด้านหลังตู้เย็นสม่ำเสมอ จะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานของตู้เย็นได้มาก
- ละลายน้ำแข็ง ตรวจสอบและทำความสะอาดยางขอบประตูตู้เย็นสม่ำเสมอ และตรวจสอบขอบยางขอบประตูตู้ให้อยู่ในสภาพใช้งานได้ดีปิดได้สนิท ทดสอบโดยใช้ธนบัตรหรือกระดาษวางในตำแหน่งต่าง ๆ ระหว่างยางขอบประตูกับตู้เย็น แล้วปิดประตูตู้เย็น จากนั้นค่อย ๆ ดึงธนบัตรหรือกระดาษออก ถ้าดึงออกได้โดยง่ายแสดงว่าความเย็นภายในตู้รั่วไหลควรเรียกช่างมาตรวจสอบ แก้ไขทันที
- ไม่ควรตั้งอุณหภูมิให้เย็นมาก เพราะทำให้สิ้นเปลืองไฟมาก ควรตั้งอุณหภูมิความเย็นให้เหมาะสม คือ 3-5 องศาเซลเซียส และที่ช่องแช่เข็งที่อุณหภูมิ - 10 ถึง - 15 องศาเซลเซียส โดยการวัดอุณหภูมิอาจต้องใช้เทอร์โมมิเตอร์
- เปิด-ปิดตู้เย็นเท่าที่จำเป็น และปิดให้สนิททุกครั้ง จะทำให้คอมเพรสเซอร์ไม่ต้องทำงานหนัก ประหยัดไฟ
นอกจากนี้ ในกรณีที่ตู้เย็นมีการต่อสายลงดินควรระวังอย่าให้ตู้เย็นมีกระแสไฟฟ้ารั่วลง ดิน เพราะจะทำให้เปลืองไฟมากขึ้น โดยสังเกตได้จากมิเตอร์มาตรวัดไฟฟ้า ถ้าพบว่าจานมาตรวัดยังหมุนทำงานอยู่ แสดงว่าตู้เย็นมีกระแสไฟฟ้ารั่วลงดิน ควรรีบเรียกช่างมาซ่อมและแก้ไขโดยทันที ฝากข้อคิดว่า “ช่วยครอบครัวและช่วยรัฐ โปรดประหยัดไฟฟ้า

รายการบล็อกของฉัน